วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คำตอบที่คาดไม่ถึง


...ปรีดาได้รับความสำเร็จพอสมควรในเรื่องอาชีพการงาน
แต่พออายุมากขึ้นก็เริ่มเดือดร้อน เพราะอาการปวดศีรษะ
ที่เป็นรุนแรงขึ้นทุกวัน จนสุขภาพเริ่มแย่ลง
จึงไปปรึกษาแพทย์

หลังจากที่ได้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา
ปรีดาก็ได้เจอกับแพทย์ที่แก้ปัญหาให้ได้
“ข่าวดีครับ ผมรักษาอาการปวดหัวให้หายได้” คุณหมอว่า
“ข่าวร้ายคือ เราต้องตัดเอาลูกอัณฑะออก
คุณเป็นโรคพบยากชนิดหนึ่ง
ลูกอัณฑะของคุณมันย้อยหลังไปกดกระดูกก้นกบ
เกิดความดันส่งต่อขึ้นไปตามแนวกระดูกสันหลัง
จนถึงหัวกะโหลก
ทำให้มีอาการปวดหัวอย่างมาก ทางเดียวที่จะรักษาได้คือ
ต้องตัดเอาลูกอัณฑะออก”

ปรีดาทั้งตกใจและเบื่อชีวิต ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปทำไม
เขาไม่สามารถไตร่ตรองด้วยสติ
แต่ก็ยินยอมให้หมอตัดเอาลูกอัณฑะออก

ในวันที่เดินออกจากโรงพยาบาล แม้จะมีสติแจ่มใสอย่างเดิม
แต่ปรีดาก็รู้สึกว่า ส่วนสำคัญในชีวิตส่วนหนึ่งได้หายไป

ขณะเดินไปตามถนน เขารู้สึกว่าเป็นคนใหม่
และคิดว่าสามารถเริ่มชีวิตใหม่ได้
ปรีดา เดินผ่านหน้าร้านขายเครื่องแต่งกายชาย
เขาบอกตัวเองว่า
“สูทตัวใหม่นั่นแหละที่จำเป็น”
เขาเดินเข้าร้านและบอกคนขาย
“ผมอยากได้สูทสักตัว” คนขายกวาดตาสำรวจเรือนร่างของปรีดา

“ลองเบอร์ 44 ดูซิครับ”
ปรีดา หัวเราะ “ใช่เลย คุณรู้ได้ไง”
“งานของผมครับ”

ปรีดาลองสูทใส่ได้พอดี
ขณะมองดูตัวเองในกระจกเงาอย่างชื่นชม
คนขายก็ถามว่า “เสื้อเชิ้ตสักตัวไหมครับ”
ปรีดา คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ดี .....”
คนขายสำรวจดูแล้วพูดว่า “ลองแขน 34 และก็ ... คอ 16”
ปรีดา แปลกใจมาก “ถูกอีก คุณรู้ได้ไง”
“งานของผมครับ”
ปรีดา ลองใส่เสื้อเชิ้ต ซึ่งก็เหมาะเหม็งพอดี
ขณะที่จัดคอปกเสื้อ

คนขายก็ถามต่อ “รองเท้าสักครู่ไหมครับ”
ปรีดา กำลังติดลม “เอาเลย ...” คนขายดูเท้าของปรีดา
แล้วพูดว่า
“ลองเบอร์...เก้าครึ่ง”
ปรีดา ตะลึง “ใช่เลย คุณรู้ได้ไง”
“งานของผมครับ”
ปรีดา สวมรองเท้าเดินไปทั่วร้าน มันนุ่มสบายมาก
คนขายถามต่อ

“ท่านจะรับกางเกงในบ้างไหมครับ”
ปรีดา คิดอยู่ครู่เดียว “เอา..” คนขายถอยหลังไปก้าวใหญ่
สำรวจดูเอวและสะโพกของปรีดา “ลองเบอร์ 36”
ปรีดา หัวเราะลั่น “ผิดแล้ว ผมนุ่งเบอร์ 34
มาตั้งแต่อายุสิบแปด”
คนขายสั่นศีรษะ “ท่านใส่เบอร์ 34 ไม่ได้หรอกครับ
ลูกอัณฑะของท่านจะถูกดันย้อยไปข้างหลังกดกระดูกก้นกบ
ทำให้ปวดหัวรุนแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยครับ
-------------------------------------

บางครั้งเราอาจจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้บ้าง
ในมุมมองที่แตกต่างออกไป
จริงๆแล้ว ปัญหาเรื้อรังที่เกิดก็คือ ไม่แก้ที่สาเหตุ
ถ้าคุณพบกับปัญหาในทำนองนี้ ลองถอยหลังออกมาสักนิด
แล้วมองดูหาสาเหตุ
ถ้ายังไม่เจอ ก็ลองปรึกษาใครสักคน
บางทีคุณอาจจะได้คำตอบที่คาดไม่ถึง

มันก็จริงอย่างที่พระพยอมว่าน๊ะ


ข้าวต้มงานศพ

นายจิวเป็นคนจีน ปรึกษากับเพื่อนว่า จะนิมนต์พระพยอมมาเทศน์งานศพพ่อ เพื่อนๆบอกว่า ถ้ามึงนิมนต์พระพยอมมาเทศน์ รับรองข้าวต้มมึงไม่มีใครกินหรอก เขาลือกันว่า.. ถ้าพระพยอมเทศน์งานศพ ข้าวต้มเหลือทุกงาน แกก็สงสัยว่าทำไมถึงจะไม่มีคนกินข้าวต้ม แต่ในที่สุดก็นิมนต์อาตมาไป อาตมาไม่ทราบเรื่องก็เทศน์ตามปกติว่า... คนบ้านนี้ตาย... ญาติพี่น้องทุกคนทุกข์ยากลำบากอยู่แล้ว พวกเรายังมารุมกินกันในบ้านคนตายอีก มันเอาเปรียบกันเกินไป ใจดำ ไร้ความเมตตาสงสาร การมางานศพควรมาแสดงความเสียใจ มาให้กำลังใจ มาช่วยเหลือไม่ใช่มารุมกินคนตาย ปรากฏว่า ข้าวต้มเหลือ ไม่มีคนกิน


วัดประหลาด

คนจำนวนมากที่มาวัดสวนแก้วแล้วต้องแปลกใจ กุฏิเจ้าอาวาสหลังเล็กนิดเดียว แต่ที่เห็นเด่นเป็นสง่าคือ "ส้วม" จึงมีคนมาถามว่า... หลวงพี่ ทำไมสร้างส้วมเสียมากมายใหญ่โต แต่กุฎิเจ้าอาวาสหลังเล็กนิดเดียว ส้วมมันสำคัญกว่าเจ้าอาวาสนะโยม..... วันนั้นมีคนมาวัด 300 กว่าคน ไม่เห็นมีใครถามว่า ... กุฎิอาจารย์พยอมอยู่ตรงไหน คนเกือบจะทั้ง 300 คน มันถามว่า... ส้วมไปทางไหน ขืนสร้างส้วมเล็กกว่ากุฎิ เละแน่...คน 300 คนมันถล่มแหลกเลยมีหวังเหม็นคลุ้งไปทั้งกุฎิแน่โยม


ไม่เหมาะสม

คุณดำรง พุฒตาล มาสัมภาษณ์ เอาประวัติอาตมาไปลงในหนังสือ คู่สร้างคู่สม โอย...........คนมันโจมตีกันใหญ่ บอกว่าพระพยอมทำไม่เหมาะสม ไปลงในหนังสือผัวๆ เมียๆ ไปยุ่งเกี่ยวกับทางโลกมากเกินไป...... อาตมาบอกว่า... คงคนละหน้ากับเรื่องผัวเมีย นั่นแหล่ะ ยังไงก็ไม่เหมาะสม มันเป็นเรื่องของทางโลก พระไม่ควรยุ่งเกี่ยว....... อาตมาชักรำคาญ เลยถามว่า... อ้าว.....แล้วเวลาที่ญาติโยมแต่งงานกันน่ะ เป็นเรื่องของทางโลกไหม? ใช่.... แล้วเสือกมานิมนต์พระไปทำไม..?


คิดผิด

ไปถ่ายรูปวันแต่งงานมันก็สวยน่ะซิ .... พออยู่กันไปนานๆ สามีดูรูปแล้วหันมาดูตัวจริง มันเริ่มสงสัยว่า ไอ้ตัวที่เดินอยู่ในครัวเนี่ย.. มันใช่คนที่กูแต่งงานด้วยหรือเปล่า ว้าาาาาา แล้วมันก็จะนั่งดูรูปด้วยตาละห้อยทั้งวัน...... คิดในใจว่า ตอนแต่งงานคิดว่าจะได้เทพธิดามาเคียงคู่...... ที่ไหนได้ ... พอถึงวันนี้มันกลายเป็นสัตว์ประหลาด นอกจากหน้าตาน่าเกลียดแล้ว ยังพูดมาก ขี้บ่นอีก พอทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดง หันไปดูรูป แหมมึงน่ะสวยแต่เฉพาะวันแต่งงานเท่านั้นแหล่ะ ถ้ารู้ว่าแต่งงานนานๆ แล้วหน้าจะเป็นอย่างนี้ กูไม่แต่งหรอก เก็บความโสดไว้ให้เช่าดีกว่า

สาธุ.....

เมื่อพวกเราเป็นเด็ก...


เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว เราจะอายุประมาณ 3-4 ขวบได้ และจะมีความคิด ความสงสัย มุมมอง การกระทำ ที่ประหลาดและติงต๊องที่สุด ดังนี้

1. เราคิดว่ามาม่า ไวไว ยำยำ ทุกซองจะมีเนื้อสัตว์ พร้อมผักจัดมาอย่างสวยงาม ดูน่ากินเหมือนภาพบนซอง ไม่ใช่มีแต่เส้น น้ำ และไข่

2.เราคิดว่านมตราหมี เป็นนมจากเต้าของหมี แล้วนำมาใส่กระป๋อง สำหรับให้คนที่เรารัก (คำโฆษณา)

3.เราคิดว่าเส้นขนหรือผม จะงอกได้เร็วข้นถ้าเราเอาน้ำรดมัน

4.เราคิดว่าเครื่องเล่นวีดีโอสมัยก่อน คือเครื่องส่งจดหมาย เราจึงส่งจดหมายเป็น 10 ฉบับเข้าไป และรอดูรายการดิสนี่ย์คลับตอนเช้าวันเสาร์ แต่เราไม่เคยเห็นพี่นัท พี่แนนอ่านจดหมายพร้อมโชว์รูปที่เราวาดออกทีวีเลย

5.เราคิดว่าหนังจักรๆ วงศ์ๆที่ทุกคนชอบดูในตอนเช้าวันเสาร์ช่อง7

คือเรื่องจริงในสมัยก่อน และเป็นรายการทีวีที่สนุกที่สุด

6.เรามักจะสงสัยเสมอว่าทำไม เวลาผู้ใหญ่ดูฟุตบอลกันต้องส่งเสียงดัง และร้องดีใจสุดขีด เมื่อมีคนเตะลูกบอลไปโดนตาข่าย

7.เราคิดว่าที่จริงแล้วฝรั่งพูดภาษาไทย แต่พอพูดกับคนอื่น ต้องพูดภาษาอังกฤษ

8.เราร้องเพลงชาติไม่ถูก

9.อาหารหลักในมื้อเช้า คือ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง

10.ไก่ทอดของ KFC คือไก่ทอดที่อร่อยที่สุดในโลก

11.เราพยายามให้แม่ทอดเฟรนช์ฟรายให้กิน แต่พอทอดออกมา มันกลับไม่กรอบและมีแต่น้ำมันเยิ้ม

12.โดนบังคับให้นอนกลางวันทั้งๆที่ไม่อยากนอน แต่พอนอนหลับแล้วจะหลับต่อก็ปลุกให้ตื่น

13.โอวันตินของโรงเรียนอร่อยมาก แต่ให้กินถ้วยเล็กเท่าถ้วยเจ้าที่หน้าบ้าน

14.ผีคืออะไรก็ไม่รู้แต่น่ากลัวที่สุดเลย

15.ยาคูลท์ ทำไมขวดเล็กจัง

16.คำพูดที่จะพูดกับพ่อแม่เวลาถูกปฏิเสธตอนซื้อของเล่น คือ พ่อไม่รักหนู และ หนูไม่รักแม่แล้ว

17.ร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผล (ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเด็กทารก)

18.เช่นเดียวกันกับการหัวเราะ

19.สำหรับเด็กทั่วไปจะบอกว่าอยากเป็น หมอ พยาบาล ตำรวจ ครู (อาชีพtop 10) แต่พอโตขึ้นมา อาชีพตำรวจกับครูจะออกไปจากความคิดทันที

20.เด็กๆชอบคิดว่า ตัวเองโตแล้วและทุกอย่างได้เหมือนผู้ใหญ่

21.มีความหวังดีอยากช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านต่างๆ เช่น ซักผ้า รีดผ้า และทำกับข้าว แต่โดนสั่งห้ามทุกครั้ง

22. เราอ้วกกันบ่อยเหลือเกิน เนื่องมาจากเมารถ เมาเรือ ได้กลิ่นเหม็น

23.สำหรับเด็กที่บ้านไม่ใกล้ทะเล การไปเที่ยวทะเล ถือเป็นโอกาสพิเศษมาก สถานที่ยอดฮิต คือ บางแสน และพัทยา

24.ต่อเนื่องจากข้อ 23 ถ้าพ่อแม่ไม่มีเวลาพาไปทะเลจริงๆ สวนสยาม ทะเลกรุงเทพฯ คือคำตอบ

25.อยากรู้ อยากเห็น อยากทดลองว่าพัดลมมีหลักในการทำงานอย่างไร

26.เช่นเดียวกัน อยากรู้ว่าในรูปลั๊กไฟมีอะไร

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สุนัขป่า 2 ตัว


บทสนทนาของชายชราคนหนึ่งผู้กำลังสอนเรื่องราวของชีวิตให้หลานชายฟัง

ชายชรา "ตอนนี้กำลังมีการต่อสู้อยู่ในตัวของปู่อยู่ เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างหมาป่าสองตัว ตัวหนึ่งนิสัยโหดร้าย หงุดหงิดง่าย ชอบโกหก ขี้อิจฉา ละโมภ ตะกละตะกราม หยิ่งยะโส ชอบดูถูกผู้อื่น มองโลกในแง่ร้าย ชอบสงสารตัวเอง

อีกตัวหนึ่งนิสัยดี ร่าเริงสนุกสนาน ใจดี รักสงบ โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จริงใจ มองโลกในแง่ดี และมีความหวังและเชื่อในส่วนดีของคนอื่นอยู่เสมอ"

"หลานรู้มั๊ยว่าการต่อสู้แบบนี้มีอยู่ในตัวหลานและมนุษย์ทุกคนเช่นกัน"

หลังจากหลานชายได้ฟังและครุ่นคิดอยู่สักพักจึงถามคุณปู่ว่า

"แล้วตัวไหนชนะ ล่ะครับคุณปู่"

ชายชราจึงตอบเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลว่า

"ก้อ ตัวที่หลานให้อาหารแก่มันน่ะสิ"

ถ้าท้อเป็นเพียงถ่าน ถ้าผ่านจึงเป็นเพชร


ถ้าท้อเป็นเพียงถ่าน ถ้าผ่านจึงเป็นเพชร

สำหรับคนที่กำลังเหนื่อย หรือท้อแท้อ่ะน๊า..

เพชรมีค่ามากกว่าถ่านหลายล้านเท่า ทั้งๆที่เพชรเป็นธาตุคาร์บอนเหมือนกัน

ไม้ผ่านการอบการเผา ไม่นานก็กลายเป็นถ่าน

แต่เพชรผ่านความร้อน ไม่ต่ำกว่า 5,000 องศาฟาเรนไฮต์

ได้รับความกดดันมากกว่า 1 ล้านปอนด์ต่อตารางนิ้ว

ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน จนกระทั่งกลายเป็นเพชร

เพชรที่เป็นเครื่องประดับอันงดงาม
พร้อมๆกับเป็นของที่มีความแข็งมากที่สุดในโลก

ถ้าท่านกำลังได้รับความกดดันอยู่ จงอดทน จงอดทน

ถ้าท่านกำลังถูกเคี่ยวถูกสับอยู่ ให้คิดว่าเพียงแค่นี้ว
จะทำให้เป้าหมายเราสั่นคลอนได้หรือ ?

ถ้าสถานการณ์กำลังบีบคั้น แสดงว่าชัยชนะกำลังรออยู่ข้างหน้า

ถ้ายังถูกโหมกระหน่ำอีกให้รู้ตัวว่า
ท่านกำลังใกล้จะเป็นเพชรเต็มที่แล้ว....

ในสถานการณ์เช่นนี้น หากหยุดคิดพิจารณาอย่างมีสติ
ย่อมจะเกิดปัญญาพบหนทางสว่างได้เสมอ

จงมุ่งมั่นอาจหาญสง่างาม เสมือนดั่งเพชร

แม้เพชรจะตกอยู่ในสภาวะทุกข์ยากลำบาก อ้างว้างและโดดเดี่ยว

แต่เพราะเพชรไม่เคยย่อท้อต่อสู้เรื่อยไป

ให้ถือว่าทุกอย่างเป็นบทเรียนและบทฝึกตัวเองเสมอ จนกาลเวลาผ่านไป

เพชรจึงภูมิใจในตัวของมันเอง และด้วยความอดทนถึงที่สุดนั่นเอง

เพชรจึงเป็นอัญมณีล้ำค่า ควรแก่การประดับมงกุฎของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่

จากอดีต... ปัจจุบัน....ตลอดไปในอนาคต

ดินสอกับปากกา


เมื่อ 100 ปีมาแล้วปากกาด้ามแรกก็ได้เกิดขี้น บนโต๊ะทำงานแห่งหนึ่ง

เจ้าดินสอไม้ตัวน้อยมองดูเจ้านายของมันด้วยความอาลัย
"ทำไมนายเปลี่ยนไป ไม่รักข้าเหมือนแต่ก่อน ไม่ใช้งานข้าล่ะ"

เจ้าปากกาซึ่งตอนนี้อยู่ในมือของนักธุรกิจชายผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้านายของดินสอไม้และปากกาด้วยมองเห็นเจ้าดินสอไม้ซึ่งหดหู่ใจอยู่ ก็พูดข่มทับเจ้าดินสอว่า
"นี่ เจ้าดินสอไม้ ก็เจ้าน่ะมันล้าสมัยแล้ว ไม่มีเจ้านายคนไหนอยากใช้งานเจ้า ในการเขียนหรอก ข้าน่ะมีทั้งความคมชัด เขียนลื่น ไม่มีวันไส้หักเหมือนตัวเจ้า เจ้านายจึงรักข้ามากกว่าเจ้าอย่างแน่นอน"

เมื่อเจ้าดินสอไม้ได้ยินเจ้าปากกาพูดเช่นนี้ จิตใจที่ห่อเหี่ยวอยู่แล้วยิ่งทับทวีมากขึ้นไปอีก มันตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตาย โดยกลิ้งตัวเองให้หล่นจากโต๊ะทำงาน เมื่อหล่นจากโต๊ะทำงานมันก็รู้ตัวว่ามันยังมีชีวิตอยู่ ก็รู้ตัวว่าคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้

เมื่อเสร็จสิ้นการทำงานของนักธุรกิจผู้นั้น เขาก็เผลอทำเจ้าปากกาตกที่พื้น โดยไม่สนใจเก็บเช่นกัน ในตอนเย็นน้องชายของนักธุรกิจผู้นั้น เขามีอาชีพเป็นนักวาดภาพ ได้มาเจอเจ้าดินสอไม้ และปากกาหล่นบนพื้นทั้งคู่ เขาก็เก็บมันไปใช้

มาถึงตอนนี้ทุกท่านที่อ่านคงเดาได้ว่าจะเป็นอย่างไร ใช่แล้ว เจ้าดินสอไม้ที่ไม่เคยได้รับการเอาใจใส่จากเจ้านายนักธุรกิจ กลับมีคุณค่ากับเจ้านายนักวาดภาพ

มันถูกใช้งานจนตัวมันสูญสลายไป แต่กลับได้ภาพที่สวยงาม ยังคงคุณค่าให้ผู้พบเห็นได้ชื่นชม ซึ่งมันมีองค์ประกอบในภาพนั้น

ส่วนเจ้าปากกาหลังจากที่ถูกนักวาดภาพเก็บไป มันก็อยู่แต่ในกล่องไม่เคยถูกหยิบมาใช้งานอีกเลย จนหมึกมันแข็งใช้งานไม่ได้ พอจะถูกใช้งานอีกที มันก็หมดอายุ เขียนไม่ออก แต่ตัวมันไม่สูญสลายไป ยังคงทิ้งร่างกายเอาไว้เป็นภาระต่อเจ้านาย มันจึงถูกทิ้งในถังขยะต่อไป


เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ตัวเราย่อมมีคุณค่าเสมอ แต่ต้องให้ถูกกับงาน

Why ???


บอกกับตัวเองว่าจะเลิกทำบางอย่าง ...
... แต่ก็ไม่เห็นว่าจะเลิกได้อย่างที่พูด

เคยคิดจะไว้ผมยาว อยากให้ยาวถึงกลางหลัง ...
... แต่ยาวไม่เท่าไหร่ก็ตัด เพราะรำคาญ

เคยคิดวางแผนจะทำโน่นทำนี่ให้กับชีวิตตัวเอง ...
... แต่ก็ไม่เคยทำได้ซักครั้ง

ชอบใครคนหนึ่ง รู้ว่ามาเป็นแฟนกันไม่ได้ ...
... แต่บางครั้งก็ยังแอบหวังอยู่เล็กน้อย

เหมือนจะรู้จักตัวเองดีกว่าใครๆ ...
... แต่บางครั้งต้องถามคนอื่นว่าเราเป็นยังไง

เหมือนจะเป็นตัวของตัวเองมาก ...
... แต่ที่จริงทุกสิ่งไม่ใช่เรา

รำคาญคนบางคน ...
... ทั้งที่เขาดีกับเราจะตาย

เหมือนจะรู้ใจ เข้าใจ ...
... แต่บางครั้งเหมือนไม่เป็นอย่างนั้น

อยากสวย ...
... ทำไมมันไม่สวย (ก็ไอ้กระจกเฮงซวย ส่องแล้วไม่สวยแบบเนี้ย)

บางครั้งอยากรอ ...
... แต่ก็ไม่อยากให้นานนัก

อยากบอกให้รู้ว่าคิดยังไง ...
... ก็ได้แต่เก็บไว้ข้างในไม่กล้าบอก

อยากทำอะไรดีๆให้ใครซักคน ...
... แต่เขาไม่อยู่ให้เราได้ทำอะไรให้แล้ว

อยากย้อนเวลากลับไปทำสิ่งดีๆ ...
... แต่เราไม่มีเครื่องย้อนเวลา

อยากได้ A ...
... แต่ขี้เกียจอ่านหนังสือ

อยากวางความเกลียด ...
... แต่พอเห็นมันแล้ววางไม่ลง

อยากเป็นคนที่ใครๆ ก็รัก ใครๆ ก็คิดถึง ...
... แต่ดันทำตัวให้คนอื่นเกลียด

ร้องขอความเห็นใจ ความรัก ความเอาใจใส่ ...
... แต่ไม่เคยดูว่าคนอื่นเขามีให้รึเปล่า

มีความรักให้คนอื่นเสมอ ...
... แต่ไม่เคยรักตัวเอง

บอกว่าอย่าบอกใคร ...
... แต่ก็บอกเองทุกที คนอื่นๆ เขาคงรู้กันหมดละมั้ง
.... มันเกิดขึ้นเรื่อยๆ และเกิดต่อไป ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะสิ้นสุด