วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อีกหน่อยเราก็ตายจากกันแล้วน๊ะ


บางคนแอบรักเขาซุ่มเลิฟอยู่อย่างนั้น
ปล่อยให้ความรู้สึกที่ดีลอยไปหาคนอื่น
แต่กลับปล่อยให้ใจตัวเองเหลืออยู่แต่ความรู้สึกต่ำต้อยได้ทุกวันๆ

บางคนกินทิฐิเป็นอาหาร เก๊กใส่กันไปวัน ๆ
ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายง้อ มึงแน่ กูแน่
งอนการกุศล ประชดทำลายสถิติ เชิดหยิ่งชิงชนะเลิศ....ไอ้บ้า

และอีกหลายคนนิยมกิจกรรม "ฆ่าเวลา" ชีวิตมันว่างจัด ขนาดต้องฆ่าเวลากันเลย บอกตรง ๆ เห็นแล้วอยากตบกบาล เอ็งกำลังทำลายทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่มนุษย์ทุกคนพึงจะมี

อีกหน่อยเราก็ตายจากกัน..แล้วนะ

ลองคิดแบบนี้บ้าง ใช่แล้ว....เราจะเกิดความเสียดาย
เพราะเหลืออีกหมื่นแสนล้านที่เรายังไม่ได้ทำ
ตายได้ไง หากฝันไม่สำเร็จ ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ยอมตาย
แต่ให้รีบทำทุกอย่าง ก่อนที่จะตาย ... ซึ่งจะเป็นวันไหนก็ไม่รู้
และในเมื่อเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...

มาเตรียมการรอรับวาระสุดท้ายของเราดีกว่าเอาแบบตายวันตายพรุ่งก็จะได้นอนตายตาหลับ

ใช้ชีวิตโดยคิดซะว่า....พรุ่งนี้ฉันจะตายแล้ว
ทำงานในสิ่งที่เรารัก เสมือนว่าเราจะไม่ได้ทำมันอีก
ตามความฝันของเราไปสุดโต่ง...ต้องรีบแล้ว...เดี๋ยวตายนะ...เตือนแล้วไง
รักให้หมดใจ บอกเขาไปทั้งหมดที่ความรู้สึกมี
ส่วนจะรักหรือไม่รักกู ไม่สนว้อย...เพราะพรุ่งนี้ชั้น(อาจจะ) ตายแล้ว
ใช้เวลา (ที่อาจจะ) สุดท้ายที่มีต่อกันไว้กอดกันเหมือนว่านี่เป็นกอดครั้งสุดท้ายของเรา
นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะอย่างน้อย ๆ เราจะได้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มตอนให้สัมภาษณ์ยมบาล

คนข้างบ้านเดินแป้นแล้นมาบอกข่าวดี ลูกสาววัย 23 กำลังจะแต่งงาน
ในมือมีซองสีชมพูพร้อมการ์ด ลูกสาวอยู่ต่างจังหวัดกับคู่หมั้นแม่เลยต้องมาแจกการ์ดเอง

เมื่อกี๊ว่าที่เจ้าสาวเพิ่งโทรมาปรึกษาแม่เรื่องชุดแต่งงาน.........
หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง เธอตาย ...... แต่กว่าคนเป็นแม่จะรู้ข่าวร้าย ก็ปาไป 5 วัน
ซองในมือผม กลายเป็นเงินช่วยงานศพ ช่อดอกไม้ กลายเป็นพวงหรีด
และทั้งหมดกลายเป็นแรงบันดาลใจ ที่อยากจะบอกว่าอีกหน่อยเราก็ตายจากกัน ...แล้วนะ
อ้าว....รู้งี้ยังจะมาอ้อยสร้อยอะไรกันอีก
รีบแยกย้ายไปใช้เวลาที่เราเหลืออยู่ไปทำทุกอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ
เดี๋ยวตายซะก่อน....เสียดายแย่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น